เทคนิคขับขี่โต้กระแสลมแรง

เทคนิคขับขี่โต้กระแสลมแรง   1.ไม่ต้องผ่อนคันเร่ง แต่รักษาความเร็วไว้ เพราะจริงๆอยู่ว่า เราอาจจะเคยได้ยินใครสักคนบอกให้เราขี่ช้าเมื่อวิ่งบนถนนที่มีลมแรง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าให้ช้าลงในจังหวะที่ลมเข้าปะทะ เนื่องจากหากเราผ่อนคันเร่งลงกระทันหัน ตอนที่มีลมสวนเข้ามา รถอาจจะเป๋ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมันเสียโมเมนตัมในการวิ่งตรงไปข้างหน้า ดังนั้นหากมีลมปะทะตัวเรากระทันหัน ให้คงคันเร่งไว้ ไม่ต้องเติม แต่ไม่ต้องผ่อน   2.พยายามวิ่งทางด้านข้าง เช่นหากลมพัดมาจากทางด้านขวา ให้เราเบี่ยงรถไปวิ่งทางด้านนั้นรอไว้เลย เพื่อที่ว่าหากมีลมปะทะเข้ามาอีกรอบ เราจะได้มีระยะเผื่อเอาไว้ในกรณีที่รถเบี่ยงไปทางด้านซ้ายมากึ้นนั้นเอง   3.โน้มตัวให้ต่ำลง เพราะยิ่งเรานั่งหลังตรง ก็หมายความว่าลมมีพื้นที่ให้ปะทะเพื่อเบี่ยงเราออกจากทางไปได้มากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรโน้มตัวลงให้ต่ำลงสักนิด เพื่อลดพื้นที่ลมปะทะ ในอีกมุมหนึ่งมันยังเป็นการลดจุดศูนย์ถ่วงลง ทำให้ตัวรถมั่งคงมากยิ่งขึ้น และถ้าจะให้ดีก็อย่าลืมใช้ต้นขาหนีบถังน้ำมันเอาไว้้ด้วย เพื่อที่ตัวเราจะได้สามารถความคุมอาการของตัวรถได้มั่นคงกว่าเดิม   4.อ่านทิศทางลม ด้วยการสังเกตสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ใบไม้ หรือต้นหญ้าตามข้างทาง เพราะเราจะได้สามารถคาดการณ์ได้ว่าทิศทางลมทางด้านหน้าจะพัดมาทางด้านไหนแต่เนิ่นๆ

5 วิธีดูแลยาง

สิ่งสำคัญที่คนขี่มอเตอร์ไซค์มองข้ามไม่ได้ นอกจากการดูแลรักษาเรื่องเครื่องยนต์ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก ดูแลระบบเบรก และระบบไฟต่างๆ แล้วหรือสภาพภายนอกของตัวรถแล้ว การให้ความสำคัญกับยาง อย่างการดูแลรักษาที่ดีและถูกวิธี จะช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของยางให้อยู่กับรถคู่ใจได้นานขึ้น เพราะแต่ละคนก็มีสไตล์การขับขี่ สภาพการใช้งานแตกต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล อายุการใช้งานจึงแตกต่างกันไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ต้องดูแลเอาใจใส่ยางให้สม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย ยางรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีการระบุหรือกำหนดไว้อย่างแน่นอนในเรื่องของ อายุการใช้งาน แต่ส่วนใหญ่การใช้งานจะอยู่ที่ระหว่าง 10,000 – 20,000 กม. ถ้าคิดเป็นปีก็จะอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 2 ปี บวกลบนิดหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย บางคนขับขี่ทางไกลมากกว่า 20 กม. เป็นประจำทุกวัน บางคนก็ใช้งานน้อย เช่นขับขี่ใช้งานระยะสั้น หรือขี่ไปจับจ่ายซื้อของเท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากการใช้งานแล้วยังจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ สภาพอากาศ ที่จอดรถส่วนใหญ่เป็นอย่างไร จอดในที่ร่มหรือจอดตากแดด มีการบำรุงรักษาบ้างหรือไม่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวเนื่องกับอายุการใช้งานของยางแทบทั้งสิ้น ส่วนถ้าใครที่ไม่ชัวร์เรื่องระยะทางหรือจำนวนปี เรามีวิธีสังเกตยางแบบง่ายๆมาบอกกัน • สังเกตสะพานยาง ในส่วนนี้ดอกยางของล้อ ไม่ควรสึกเท่ากับสะพานยาง • สังเกตโครงสร้างยางว่าดูผิดรูปหรือมีรูปทรงผิดปกติหรือไม่ • สังเกตรอยปริแตกของยาง •…

อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีติดไว้ เมื่อออกทริปมอเตอร์ไซค์

การท่องเที่ยวแบบ “ทัวร์ริ่ง” (Touring) คือการ ออกทริปมอเตอร์ไซค์ เดินทางกับเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว มีรถมอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะคู่ใจในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ทั่วไปหรือ บิ๊กไบค์คันโต ต่างก็ต้องเตรียมตัวกันเป็นอย่างดี เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้ไปถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย และเต็มไปด้วยประสบการณ์ในการขับขี่อันแสนประทับใจที่น่าจดจำในการออกเดินทางในแต่ละครั้ง   อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีติดไว้ เมื่อออกทริปมอเตอร์ไซค์ 1.ชุดป้องกันการรั่วซึมของยาง / ชุดอุปกรณ์ปะยาง อุบัติเหตุพื้นฐานที่มักเกิดขึ้นกับคาราวานท่องเที่ยว ทั้งมอเตอร์ไซค์ทั่วไปรวมไปถึง รถบิ๊กไบค์ ก็คือ ยางรั่ว ซึ่งมักเกิดขึ้นแบบไม่ค่อยบอกกล่าวเลย ดังนั้นสิ่งที่เป็นตัวช่วยประการแรกคือ การเติมอุปกรณ์ป้องกันการรั่วซึมในยาง เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะตะปูตำหรือมีของมีคมบาดลึกเข้าไปจนถึงชั้นยางใน น้ำยาเคมีที่ถูกเติมเข้าไปจะทำหน้าที่เป็น First Aid ของยางในด้วยการอุดรอยรั่วฉุกเฉิน ทำให้สามารถเดินทางต่อไปได้ประมาณหลายร้อยกิโลเมตร ก่อนทำการซ่อมบำรุงเมื่อถึงจุดพักรถที่เป็นเป้าหมาย รวมไปถึงอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี แต่อาจลำบากหน่อยในการถอดประกอบคือ ชุดอุปกรณ์ปะยาง ที่ต้องทำการถอดประกอบกันใหม่ แต่มันช่วยสร้างความสบายใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาการรั่วซึมระหว่างการออกทริปมอเตอร์ไซค์อีก วิ่งได้ยาว ๆ เลยแหละ   2.ไฟส่องทาง และ ไฟให้สัญญาณประเภทต่าง ๆ การเดินทางเป็นคาราวาน การให้สัญญาณทั้งแสดงผลแก่เพื่อนในทีม หรือรถคันอื่น ๆ ที่ร่วมใช้ทางบนท้องถนนเดียวกับเรา ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง การใช้สัญญาณไฟถือเป็นอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม ราคาประหยัดที่สามารถหามาติดตั้งเพิ่มเติมหรือเป็นอุปกรณ์แยกส่วนเสริมที่สามารถเก็บไว้ในกล่องสัมภาระ…

หน้าร้อนนี้ ดูแลรถมอเตอร์ไซค์อย่างไร

หน้าร้อนนี้ ดูแลรถมอเตอร์ไซค์อย่างไร     เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้ว ใครที่ต้องขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นประจำก็อย่าลืมเตรียมพวกอุปกรณ์กันแดดกันด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อการ์ด หรือเสื้อคลุมกันแดด หมวกกันน็อค รวมไปถึงแว่นกันแดด และแอคเซสซอรี่อื่นๆ ที่เหมาะแก่การขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าร้อนนี้ แต่นอกจากจะเตรียมตัวผู้ขับขี่แล้ว รถมอเตอร์ไซค์ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยเช่นกัน ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีดูแลรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าร้อนนี้อย่างไรบ้าง   ดูแลระบบระบายความร้อนให้พร้อมใช้งาน อากาศร้อนๆ แบบนี้ ย่อมส่งผลให้อุณหภูมิในเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์เวลาที่จอดติดอยู่บนท้องถนน มีความร้อนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานหนักขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลในส่วนของระบบระบายความร้อนให้พร้อมใช้งานเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ตัวกรองอากาศ ครีบระบายความร้อน พัดลมหม้อน้ำ หรือ ระบบหล่อเย็น ก็ควรหมั่นเช็กว่ามีสิ่งปกติใดๆ หรือไม่ มีสิ่งสกปรกอุดตัน ชำรุดเสียหายไหม   ดูแลหม้อน้ำและระบบหล่อเย็น นอกจากจะมีระบบระบายความร้อนโดยใช้อากาศหมุนเวียนแล้วนั้น รถมอเตอร์ไซค์บางคันอาจใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งพวกหม้อน้ำและระบบหล่อเย็นก็ยังเป็นตัวช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี อย่างไรแล้วควรหมั่นเติมน้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง เพราะหากปล่อยให้หม้อน้ำแห้ง อาจทำให้เกิดอาการโอเวอร์ฮีท เครื่องยนต์ร้อนสูงและพังได้   ดูแลน้ำมันเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ ในช่วงฤดูร้อน มีโอกาสที่ทำให้น้ำมันเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ระเหยได้มากกว่าฤดูอื่นๆ จึงอย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ อีกทั้งควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเมื่อถึงระยะที่ครบกำหนด   ดูแลยางรถมอเตอร์ไซค์ การขับขี่มอเตอร์ไซค์บนพื้นถนนร้อนๆ อยู่เป็นประจำ อาจเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดได้ง่ายๆ…

ต่อใบขับขี่ผ่านมือถือ ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านมือถือ 2565 เสร็จไวภายใน 1 ชั่วโมง   แนะนำขั้นตอนการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์แบบเร่งด่วน เสร็จเร็วทันใจภายใน 1 ชั่วโมง สามารถนำผลไปยื่นขอรับใบขับขี่ใหม่ได้ทันที การอบรมเพื่อต่ออายุใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลผ่านระบบออนไลน์ DLT e-Learning ของกรมการขนส่งทางบก สำหรับต่อใบขับขี่ล่วงหน้าก่อนวันสิ้นอายุไม่เกิน 90 วัน หรือกรณีใบขับขี่สิ้นอายุไปแล้วไม่เกิน 1 ปี โดยใช้ระยะเวลาอบรมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง ส่วนกรณีใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป จะใช้เวลาในการอบรมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง และจะต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียนหรือขับรถเพิ่มเติมแล้วแต่กรณี ขั้นตอนการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีดังนี้ เปิด Browser เข้าไปยังเว็บไซต์ DLT e-Learning จากนั้นเลือก “ลงทะเบียน” (กรณีเคยลงทะเบียนไว้แล้ว เลือกเข้าสู่ระบบโดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิด) กรอกข้อมูลลงทะเบียนให้ถูกต้อง เลือก “แบบทดสอบก่อนอบรม” ตอบแบบทดสอบตามความเข้าใจ (ระบบอนุญาตให้ตอบผิดได้) ชมวิดีโออบรมใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลเป็นเวลา 1 ชั่วโมง (ไม่สามารถข้ามได้) ทำแบบทดสอบหลังอบรม (หากตอบผิด ระบบจะแสดงคำตอบที่ถูกต้องให้) ขึ้นหน้าต่าง…

ขี่รถหน้าร้อนอย่างไรให้คูล

เมืองไทยมีดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง คงไม่มีใครปฏิเสธในนาทีนี้ว่าฤดูร้อนของเมืองไทยนั้นทรมานขนาดไหน อาการ “ฮีทสโตรก” (Heat stroke) หรือการเป็นโรคลมแดดถูกนำมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้งตามข่าวต่างๆ หลังจากมีคนต้องเสียชีวิตจากอากาศที่ร้อนจัด การขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือบิ๊กไบค์ (Bigbike) ในช่วงสภาพอากาศแบบนี้จึงต้องเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ ไบค์เกอร์หลายคนเลี่ยงการขับขี่ในเวลากลางวันเพราะไอแดดที่แผดเผา แต่หากเลี่ยงไม่ได้หรือใจรักจะซิ่งแล้ว เราก็มีข้อแนะนำในการขับขี่รถในหน้าร้อน มาแนะนำกัน 1. หมวกกันน็อคและเสื้อผ้าต้องระบายความร้อนและป้องกันแดดได้ดี ที่สำคัญ อย่าลืมแว่นกันแดด แนะนำให้สวมใส่เสื้อและถุงมือที่ทำจากผ้าตาข่ายหรือผ้าเมช (Mesh) ซึ่งนอกจากจะซับพอร์ตร่างกายเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวหนังจากแดดและระบายความร้อนได้ดีด้วย 2. อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ แนะนำให้พกขวดน้ำติดตัวไปด้วย และดื่มน้ำเสมอๆ แต่ให้งดเว้นการเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟและน้ำอัดลม รวมถึงแอลกอฮอล เนื่องจากทำให้กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย 3. แวะหยุดพักระหว่างทางเป็นช่วงๆ เพื่อให้สายตาได้พักจากการเพ่งกลางแดดเป็นระยะเวลานาน 4. ตรวจสภาพรถก่อนใช้งาน ข้อแนะนำนี้นำไปใช้ในทุกการขับขี่ ไม่ใช่เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น การที่คุณหมั่นตรวจเช็ครถบิ๊กไบค์ให้พร้อมใช้งานเสมอ ย่อมลดโอกาสเครื่องน็อคหรือมีปัญหาระหว่างทาง โดยเฉพาะต้องจอดรถริมถนนกลางแดดร้อนๆ คงไม่สนุก อีกทั้งยังเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้

สลิปเปอร์คลัตช์ ช่วยในการขับขี่อย่างไร

ระบบสลิปเปอร์คลัทช์ ถือเป็นระบบกลไกที่มีผลต่อการติดสินใจในการเลือกซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันมากรองลงมาจาก ระบบ ABS, แทร็คชันคอนโทรล, และโช้กหน้าหัวกลับ แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้จักว่าเจ้าระบสลิปเปอร์คลัทช์นี้ทำมาเพื่ออะไรและมันมีดียังไงกันแน่ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเก่ี่ยวกับเรื่องนี้กัน จุดประสงค์ในการติดตั้งชุดสลิปเปอร์คลัทช์ก็คือ “ถูกออกแบบมาเพื่อลดเอนจิ้นเบรกที่ส่งมายังล้อหลังตอนเชนจ์เกียร์ลงหนักๆ เพื่อป้องกันอาการล้อหลังล็อค โดยอาศัยการผ่อนแรงจับหรือแรงกดของผ้าคลัทช์” นอกจากระบบสลิปเปอร์คลัทช์จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถ เพราะมันช่วยป้องกันการล็อคของล้อหลังตอนเชนจ์เกียร์ มันยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานตอนเดินทางในเมืองอีกด้วย เพราะผู้ขี่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงที่นิ้วเพื่อคลอคลัทช์เยอะเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ยังใช้ชุดคลัทช์แบบธรรมดาอยู่นั่นเอง   CS E-Learning Tips & Trick ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.motorival.com/

เทคนิคล้างโซ่มอเตอร์ไซค์ให้ดูใหม่ และใช้ได้นาน

วิธีล้างโซ่ 1. นำรถขึ้น service stand หรือตั้งขาตั้งคู่ หรือยกล้อหลังให้ลอยไว้ (ค้ำสวิงอาร์มด้านขวาให้ล้อลอยเล็กน้อย) 2. ฉีดน้ำให้ทั่วโซ่ทั้งเส้น (หมุนล้อไปเรื่อยๆ) 3. ชะโลมน้ำมันสำหรับล้างโซ่ลงไปให้ชุ่มๆ แล้วใช้แปรงสีฟันแปรงให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ตอนนี้คราบสกปรกจะถูกแปรงออกมาดำเต็มโซ่ไปหมด ให้ฉีดน้ำมันล้างโซ่อีกที คราบดำๆจะหลุดออกหมดจนเห็นโซ่ขาวๆเลยครับ ค่อยๆทำทีละส่วน หมุนล้อขยับโซ่ไปเรื่อยๆ 4. ล้างจนสะอาดครบทั้งเส้นแล้ว ให้เอาน้ำเปล่าฉีดล้างน้ำมันออกจากโซ่ให้มากๆ (น้ำมันประเภท wd-40, sonax นั้นใช้ล้างโซ่ได้ดี แต่ก็มีฤทธิ์ทำให้โอริงในข้อโซ่บวมได้ หากปล่อยทิ้งไว้นาน) จำเป็นต้องล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด 5. เป่าลมด้วยโบวเวอร์ให้แห้งสนิท หรือนำรถออกไปขี่สักพัก 6. เคลือบและหล่อลื่นโซ่ด้วยสปรย์จารบีสำหรับหล่อลื่นโซ่โดยเฉพาะ (หรือชะโลมด้วยน้ำมันเกียร์เบอร์ 140 ก็ได้) เน้นหล่อลื่นบริเวณข้อต่อและโรลเลอร์ แล้วควรเคลือบด้านข้างด้วย เพื่อป้องกันสนิม ** ควรหล่อลื่นโซ่ทุกๆ 500กม. (หรือหลังจากลุยฝน) ** ไม่ควรล้างโซ่บ่อยเกินไป สารหล่อลื่นด้านในโอริง อาจละลายออกมาตอนล้างได้ ข้อโซ่อาจเสื่อมก่อนวัยอันควร (ล้างเมื่อสกปรกมาก หรือ 2-3 เดือน/ครั้ง กำลังดี) ล้างทำความสะอาด,…

จานเบรกมีกี่ชนิด และทำไมจานเบรกต้องมีรู ? ที่นี่มีคำตอบ

จานเบรก เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ติดกับล้อรถ เมื่อสัมผัสกับผ้าเบรกจะเกิดแรงเสียดทาน ทำให้รถชะลอหยุด แต่เคยสังเกตุกันบ้างหรือเปล่าว่าทำไม จานเบรกบางอันถึงมีรู แล้วแตกต่างกับแบบที่ไม่มีรูอย่างไร จานเบรกมีทั้งหมด 4 ชนิด ซึ่งมีความแตกกต่างกันดังนี้   แบบเรียบ (Smooth Brake Rotor) ที่เราใช้กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะติดมาจากโรงงานผลิตและสามารถทนต่อแรงเค้นได้ดีที่สุด ใช้งานทนที่สุดในกลุ่ม แต่มีข้อเสียใหญ่คือ การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับแบบเซาะร่องและแบบเจาะรู ซึ่งถ้าใครที่ใช้จานเบรกแบบเรียบ จำเป็นต้องใช้ผ้าเบรกและน้ำมันเบรกที่มีคุณภาพสูง เพื่อจะได้ทนความร้อนได้ดี     จานเบรกแบบเจาะรู (Drill Brake Rotor)   จานเบรกแบบนี้ มาจากความต้องการพัฒนาจานเบรกในสนามแข่งรถ เพราะการใช้จานแบบเรียบ มีการระบายความร้อนไม่ดีพอ เวลาเบรกฝุ่นในสนามจะเกาะที่จาน และยังมีก๊าซบางชนิดที่เคลือบผิวจานเบรก ทำให้ประสิทธิภาพของเบรกลดลง จึงมีการเจาะจานเบรกเพื่อระบายความร้อนขึ้น เนื่องจากทำได้ง่าย ไม่ต้องจัดหาวัสดุใหม่ซึ่งหายากในสมัยนั้น จานเบรกแบบนี้จะพบได้บ่อยในรถที่ผ่านการอัพเกรดระบบเบรก เพื่อหวังผลในการระบายความร้อนและลดโอกาสเกิดการเบรกไม่อยู่ (Brake Fade) ที่มักเกิดเมื่อจานเบรกร้อนจัดจนไม่สามารถสร้างแรงกดและแรงเฉื่อยได้ ซึ่งจานเบรกแบบนี้มีข้อเสียที่สำคัญคือ การแตกร้าว (Thermal Cracking) นั่นเอง แต่ผู้ผลิตหลายค่ายก็พยายามใช้วัสดุที่ดีขึ้นเพื่อลดจุดอ่อนที่ว่านี้   จานเบรกแบบเซาะร่อง (Slotted…

รถมอเตอร์ไซค์ น้ำมันเครื่องแห้ง ต้องทำอย่างไร

รถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้ง หากฝืนใช้ต่อ มีแต่พังกับพังเท่านั้น เมื่อรถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้ง คุณควรรีบนำไปซ่อมบำรุงโดยด่วน   เรื่องใหญ่มาก ๆ หากรถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้ง หากคุณปล่อยละเลยไม่ยอมไปซ่อมแซมในตอนที่ยังพอซ่อมได้ หากปล่อยไว้ความเสียหายของเครื่องยนต์ที่จะเกิดขึ้นอาจรุนแรงกว่าที่คิดก็ว่าได้ เท่ากับว่าคุณอาจต้องจ่ายเงินเพื่อซ่อมแซมเครื่องยนต์ในราคาที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย   ความเสียหายของเครื่องยนต์เมื่อน้ำมันเครื่องแห้งนั้น อาจถึงขั้นต้องเปิดเครื่องยนต์ คว้านเสื้อสูบ อัพไซซ์ลูกสูบ และอัดก้านลูกสูบใหม่ ก็ว่าได้ ซึ่งคุณต้องเตรียมเงินไว้จ่ายต่ำ ๆ ราว 5,000 บาท (*ราคารถมอเตอร์ไซค์ตลาดไม่เกิน 150 ซี.ซี.) หากคุณยังคงฝืนใช้รถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้งจนลูกสูบติด   ทั้งนี้ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้งจะมีอาการผิดปกติให้คุณทราบก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาการของน้ำมันเครื่องรั่วไหลออก ซึม/หยดออกจากเครื่องยนต์ และน้ำมันเครื่องเข้าไปเผาไหม้ในห้องจุดระเบิดทำให้รถมอเตอร์ไซค์คุณมีควันขาวและมีกลิ่นเหม็นออกจากท่อไอเสีย ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตาคุณเอง   คุณสามารถตรวจเช็กน้ำมันเครื่องได้ง่าย ๆ ด้วยการเช็กที่ตาแมวน้ำมันเครื่องหรือก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องก็ว่าได้ หากเครื่องยนต์ของคุณไม่มีน้ำมันเครื่องแล้วล่ะก็ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์ที่จะเกิดขึ้น หากเครื่องยนต์ของคุณไม่มีน้ำมันเครื่อง   ทางที่ดีที่สุดเมื่อรถมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องแห้ง อย่าฝืนใช้งานจนสุดท้ายเครื่องยนต์จนเกิดอาการสูบติด เมื่อเครื่องยนต์เกิดความผิดปกติ ควรรีบนำไปแก้ไขที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ ซึ่งหากรถมอเตอร์ไซค์ของคุณยังอยู่ในการรับประกันของทางบริษัท สามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้านท่านได้เลย ขอบคุณข้อมูลจาก : khaorot.com